เครดิตบูโร

​​​​​​​​​​​​​​​​​​เครดิตบูโร หรือบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด เป็นสถาบันที่ทำหน้าที่เป็นศูนย์กลางในการจัดเก็บข้อมูลบัญชีสินเชื่อและประวัติการชำระสินเชื่อทุกประเภทของบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล​ ซึ่งส่งมาจากสถ​าบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร โดยข้อมูลที่จัดเก็บหรือรายงานในเครดิตบูโรแบ่งออกเป็น 2 ส่วน คือ

1. ข้อมูลบ่งชี้ คือข้อเท็จจริงที่บ่งชี้ถึงตัวลูกค้า ได้แก่

  • ข้อมูลส่วนบุคคล เช่น ชื่อ-นามสกุล เลขที่บัตรประจำตัวประชาชน วันเดือนปีเกิด ซึ่งไม่มีการจัดเก็บหมายเลขโทรศัพท์

  • ข้อมูลที่อยู่ที่ลูกค้าแจ้งกับสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโร

2.ข้อมูลสินเชื่อที่ได้รับอนุมัติและประวัติการชำระหนี้ จำแนกเป็นรายบัญชีที่มีอยู่ในแต่ละสถาบันการเงินและบริษัทสมาชิก โดยมีข้อมูลที่สำคัญดังนี้

  • สรุปข้อมูลบัญชีสินเชื่อ ซึ่งจะบอกว่าลูกค้ามีสินเชื่ออยู่ทั้งหมดกี่บัญชี มีจำนวนบัญชีที่ใช้สิทธิแก้ไขข้อมูลหรือโต้แย้งกี่บัญชี

  • ประเภทและเลขที่บัญชีของสินเชื่อ

  • ชื่อผู้ให้สินเชื่อ

  • วงเงินที่ได้รับอนุมัติ และวงเงินที่ใช้ไป

  • สถานะของบัญชี เช่น ปกติ ปิดบัญชี พักชำระหนี้ ค้างชำระหนี้

  • รายละเอียดการชำระหนี้ ซึ่งจะแสดงประวัติการชำระหนี้ที่ผ่านมา ทั้งที่ชำระตรง ชำระล่าช้า หรือผิดนัดชำระ

  • ​ข้อมูลอื่น ๆ เช่น วันที่เปิดบัญชี วันที่ชำระหนี้ล่าสุด วันที่ปิดบัญชี วันที่ปรับปรุงโครงสร้างหนี้ ​

วิธีการตรวจเครดิตบูโร

บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัดได้เพิ่มช่องทางให้ประชาชนตรวจเครดิตบูโรของตนเองให้ง่ายและสะดวกยิ่งขึ้น โดยสามารถติดต่อขอใช้บริการได้ 2 ช่องทาง​ ดังนี้

1. ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ทั้ง 4 สาขา รับรายงานภายใน 15 นาที

2. ธนาคารที่เป็นตัวแทนรับคำขอตรวจเครดิตบูโร (เฉพาะกรณีบุคคลธรรมดาเท่านั้น) รับรายงานทางไปรษณีย์ภายใน 7 วัน

สามารถสอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้จากบริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัดที่ Call Center 0-2643-1250 หรือ www.facebook.com/ilovebureau ​​


การขอตรวจเครดิตบูโรเมื่อถูกปฏิเสธสินเชื่อ

กรณีผู้ขอสินเชื่อได้รับหนังสือแจ้งปฏิเสธการให้สินเชื่อจากสถาบันการเงินหรือบริษัทที่เป็นสมาชิกเครดิตบูโรโดยมีสาเหตุจากข้อมูลในเครดิตบูโร ผู้ขอสินเชื่อสามารถยื่นคำขอตรวจเครดิตบูโรกรณีถูกปฏิเสธสินเชื่อได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร ภายใน 30 วันนับจากวันที่ในหนังสือแจ้งปฏิเสธสินเชื่อ โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย พร้อมยื่นเอกสารประกอบดังนี้

1. บัตรประจำตัวประชาชนพร้อมกรอกแบบคำขอตรวจเครดิตบูโร

2. หนังสือแจ้งปฏิเสธการให้สินเชื่อของสถาบันการเงิน ที่ระบุว่าไม่อนุมัติสินเชื่อเพราะข้อมูลจากเครดิตบูโร

3. สำหรับกรณีนิติบุคคล ยื่นสำเนาหนังสือรับรองของนิติบุคคล ที่รับรองไว้ไม่เกิน 3 เดือน พร้อมลงนามรับรองความถูกต้องโดยกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม บัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจลงนาม พร้อมสำเนารับรองความถูกต้อง และกรอกแบบคำขอตรวจเครดิตบูโร​

การขอแก้ไขกรณีข้อมูลเครดิตไม่ถูกต้อง

หากพบว่าข้อมูลเครดิตของตนเองไม่ถูกต้อง หรือมีการรายงานข้อมูลเครดิตผิดพลาด ควรแจ้งให้สถาบันการเงินที่เป็นเจ้าหนี้ของเราทราบ นอกจากนี้ ตามพระราชบัญญัติการประกอบธุรกิจข้อมูลเครดิต พ.ศ. 2545 ลูกหนี้ยังมีสิทธิที่จะยื่นคำขอตรวจสอบ และขอแก้ไขข้อมูลของตนกับเครดิตบูโรได้ โดยติดต่อได้ที่ศูนย์ตรวจเครดิตบูโร โดยมีขั้นตอนการดำเนินการ ดังนี้

1. เจ้าของข้อมูล กรอกแบบคำขอใช้สิทธิตรวจสอบ/แก้ไขข้อมูลเครดิต หรือทำเป็นหนังสือ ยื่นต่อเครดิตบูโร พร้อมเอกสารประกอบ ดังนี้

บุคคลธรรมดา
• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน หรือบัตรอื่นที่ออกโดยหน่วยงานราชการ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
• สำเนารายงานข้อมูลเครดิตฉบับที่ต้องการแก้ไข (ถ้ามี)
​• เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)

นิติบุคคล
• สำเนาหนังสือรับรองนิติบุคคลที่มีอายุไม่เกิน 3 เดือน ซึ่งผู้มีอำนาจลงนามรับรองความถูกต้องพร้อมประทับตราบริษัท (ถ้ามี)
• สำเนาบัตรประจำตัวประชาชนของกรรมการผู้มีอำนาจ พร้อมลงนามรับรองสำเนาถูกต้อง
• สำเนารายงานข้อมูลเครดิตฉบับที่ต้องการแก้ไข (ถ้ามี)
• เอกสารอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง (ถ้ามี)​


2. เครดิตบูโรจะแจ้งไปยังสถาบันการเงินและบริษัทที่เป็นสมาชิกที่นำส่งข้อมูล เพื่อให้ตรวจสอบข้อเท็จจริง และจะแจ้งผลให้เจ้าของข้อมูลทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับคำขอตรวจสอบ/แก้ไขข้อมูลเครดิต

​3. เมื่อได้รับแจ้งผลการตรวจสอบแล้ว หากเจ้าของข้อมูลไม่เห็นด้วยกับผลตรวจสอบ และมีข้อโต้แย้งที่ไม่อาจหาข้อยุติได้ สามารถยื่นคำขอใช้สิทธิบันทึกข้อโต้แย้งไว้ในระบบฐานข้อมูลของเครดิตบูโรได้ และมีสิทธิในการยื่นอุทธรณ์ข้อโต้แย้งต่อคณะกรรมการคุ้มครองข้อมูลเครดิตได้ ภายใน 60 วัน นับแต่วันที่ได้รับแจ้งสิทธิ

ทั้งนี้ สามารถหาข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่บริษัท ข้อมูลเครดิตแห่งชาติ จำกัด